แน่นอนว่าการใช้คำพูดสามารถทำร้ายจิตใจผู้ฟังได้ในบางครั้ง และอาจเกิดขึ้นจากความตั้งใจของใครหลาย ๆ คน การทำร้ายจิตใจทางคำพูดหรือทารุณทางวาจา (Verbal abuse)นั้น แม้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดบาดแผลตามร่างกายหรือความเจ็บปวดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่อาจสร้างบาดแผลให้กับจิตใจของที่จะอยู่กับผู้ถูกกระทำในระยะยาวไปอีกนาน
วันนี้เรามาดูกันถึงความหมายของการทำร้ายจิตใจทางคำพูด (Verbal abuse) และแบบไหนที่เรียกว่าความรุนแรงทางคำพูด เพื่อป้องกันและช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญความรุนแรงรูปแบบดังกล่าวได้
การทำร้ายจิตใจทางคำพูดเป็นหนึ่งในรูปแบบของการทำร้ายที่พบได้ในทุกความสัมพันธ์และในทุกสังคม โดยมักจะมาในรูปแบบของการใช้คำพูดเพื่อทำร้ายความรู้สึก เพื่อควบคุมหรือทำให้ผู้ฟังรู้สึกต้อยต่ำ ลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทำเพื่อให้รู้สึกโง่ ไม่มีค่า
ซึ่งสิ่งที่จะช่วยแยกระหว่างการถกเถียงความขัดแย้งทั่วไปกับการทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด ได้แก่
การถกเถียงทะเลาะด้วยความขัดแย้งทั่วไปจะไม่เกิดขึ้นติดกันทุกวัน มักไม่ใช่การเอาชนะอีกฝ่าย ไม่เกิดการข่มขู่หรือลงโทษกันในภายหลัง
การถกเถียงทะเลาะจะจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ กินเวลาน้อย
ส่วนการทำร้ายจิตใจทางคำพูดจะมาในรูปแบบของการใช้คำพูดดูถูกหรือทำให้ผู้ถูกกระทำอับอาย หากอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกเสียใจ ผู้กระทำก็จะโทษว่าเป็นเพราะความอ่อนแอของผู้ถูกกระทำเอง และตัวผุ้กระทำแค่พูดเล่นเท่านั้น และผู้กระทำยังอาจตะคอกบ่อยครั้ง ชอบชวนทะเลาะอย่างไม่มีสาเหตุและวนเวียนไม่รู้จบ ใช้คำพูดปั่นหัว ข่มขู่ วิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกผิดและให้ตัวเองรับบทเหยื่อแทน อีกทั้งผู้กระทำบางคนยังทวงบุญคุณ อ้างว่าตนเองดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ลงมือทำร้ายร่างกายผู้ถูกกระทำอีกด้วย
การทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประสิทธิภาพในการทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และหากผู้ถูกกระทำถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจได้ อาทิ
รู้สึกผิด สิ้นหวังและละอายใจ
เกิดภาวะวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า
เกิดภาวะเครียดเรื้อรัง
การรับรู้คุณค่าของตนเองลดลง
เกิดอาการผิดปกติทางจิตใจหลังจากประสบสถานการณ์รุนแรง (PTSD)
มีภาวะตัดขาดจากสังคม อันเนื่องมาจากความผิดปกติทางอารมณ์และความมั่นใจในตัวเองที่ลดลง
มองโลกในแง่ร้าย โทษตัวเอง
มองว่าความรุนแรงที่เกิดกับตนเป็นเรื่องปกติ เพราะตนเองถูกกระทำมาเป็นเวลานาน อาจมีแนวโน้มหรืออาจกลายเป็นผู้ส่งต่อความรุนแรงกระทำในอนาคต
หากสังเกตเห็นหรือรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญกับผู้ที่ทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด ควรเชื่อในความรู้สึกของตนเอง ว่าตนเองรู้สึกแย่ รู้สึกถูกทำร้าย ซื่อสัตย์และให้ความสำคัญกับความคิดนั้น ตระหนักว่าไม่จำเป็นต้องพยายามหาเหตุผลหรือความชอบธรรมให้กับพฤติกรรมของผู้กระทำควรหาเหตุผลในการทำร้ายให้กับผู้กระทำ หรือคิดว่าพฤติกรรมของตนเองไม่ใช่ข้ออ้างหรือใบบนุญาตให้ผู้กระทำกระทำความรุนแรง ตนเองสมควรโดนทำร้าย หันกลับมาดูแล ใส่ใจความรู้สึกของตนเอง ยอมรับ ทำความเข้าใจรับรูถึงรู้เท่าทันความเครียด ความวิตกกังวลและอารมณ์ต่าง ๆ และหาเวลาดูแลสุขภาวะของตนเองคลายเครียดระหว่างวันอยู่เสมอ และหากสามารถทำได้ อาจพูดคุยกับผู้กระทำโดยตรงถึงขอบเขตของการใช้คำพูดในการวิจารณ์ การดูถูกหรืออื่น ๆ
สิ่งที่จะช่วยได้มากอีกอย่างหนึ่งคือการให้กำลังใจ คุณค่า และความภูมิใจกับตัวเองนอกจากนี้ ยังควรเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเราาทุกคนมีคุณค่า ควรได้รับสิ่งที่ดี ค่อย ๆ ถอยห่างออกจากผู้กระทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรืออาจพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญอย่างจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อขอคำปรึกษาและรับความช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถรับมือและบรรเทาได้อย่างเหมาะสม
หากสามารถทำได้ อาจวางแผนกับผู้ไว้ใจหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมหาวิธีพูดคุยกับผู้กระทำโดยตรงว่าสิ่งที่เขากระทำนั้น เป็นความรุนแรง และเขาควรหยุดการกระทำนั้นโดยทันที
Reference
Thank you for visiting SHero Thailand.
As we mark our 9th year as a 100% volunteer-run organization, we have reached our operational limits. We’re actively seeking additional resources to ensure sustainability and are currently focusing on supporting our existing clients.
At this time, we are unable to offer active responses or accept new legal consultation requests due to our limited capacity.
In Case of Emergencies:
Thai Police: Call 191
Tourist Police: Call 1155 (available 24/7 and offer English-speaking support)
For Further Assistance:
Women and Men Progressive Movement
Email: info@wmp.or.th
Phone: 02-513-2889
Website: https://www.wmp.or.th/contact
We sincerely appreciate your understanding and are committed to resuming our services as soon as possible.
Warm regards,
SHero Team